ปีนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นเมื่อ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่ามีผู้ จดทะเบียนบริษัท กว่า 50000 ราย ก็มั่นใจเลยว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นจากเดิม เเหล่งข่าวจาก TPBS รายงานมาว่า การพัฒนาเศรษฐกิจได้ดำเนินตามทางที่ดีขึ้นเเล้ว รายงานนี้ได้ออกมาเปิดเผยได้ดังนี้
วันนี้ (2 เม.ย.2567) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากการสำรวจผลการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลครึ่งปีแรก 2567 พบมีแนวโน้มในทิศทางบวก คาดว่าจะมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่อยู่ที่ 46,000-50,000 ราย
จดทะเบียนบริษัท พบกลุ่มไหนมากสุด
สำหรับการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ เดือน มี.ค.2567 ลดลง 15.75% หรือมีจำนวน 7,733 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 22,146.14 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) มีจำนวน 25,003 ราย ลดลง 4.5%
แม้ว่ายอดจดทะเบียนจะลดลง แต่ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่สูง เมื่อเทียบรายไตรมาสในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (2557-2566) โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งสูงสุด คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารร้านอาหาร
นางอรมน กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจที่มีการเติบโตที่น่าสนใจในไตรมาส 1/2567 มีหลายประเภท เช่น กิจกรรมด้านความบันเทิง กิจกรรมดนตรี งานศิลปะ เติบโต 64% จากการขยายตัวของการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อความบันเทิง และกิจกรรมการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันที่เน้นความบันเทิง
ส่วนธุรกิจขายปลีกเฟอร์นิเจอร์ เติบโต 57.78% จากเฟอร์นิเจอร์ไทยเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ และมีจุดแข็งด้านวัตถุดิบ เช่น ไม้ หวาย และยางพารา เป็นต้น
ธุรกิจขายส่งชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมของยานยนต์ เติบโต 47.62% ตามปริมาณการจดทะเบียนยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น กิจกรรมสปา เติบโต 35.59%
ไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ ต้องการกิจกรรมที่ผ่อนคลาย ต่างชาติชื่นชอบกิจกรรมสปาและสมุนไพรไทย และธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตและห้องชุด ดันให้ธุรกิจโต 37.75% จากการขยายตัวอย่างของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
สำหรับส่วนธุรกิจที่จดทะเบียนเลิกกิจการในเดือน มี.ค. พบว่า มี 911 ราย ลดลง 17.33% ทุนจดทะเบียน 5,582.28 ล้านบาท ไตรมาสแรก จดทะเบียนเลิก 2,809 ราย ลดลง 14.05% ทุนจดทะเบียนเลิก 11,943.57 ล้านบาทโดยธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเลิกสะสมสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
อธิบกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงต้องจับตาการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รวมทั้ง สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สภาพภูมิอากาศ และนโยบายของรัฐบาลที่ยังรอความชัดเจน บวกกับปัจจัยภายนอกประเทศไม่ว่าจะเป็น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น ในรอบ 17 ปี
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงมากขึ้น และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สถานการณ์การเลือกตั้งของสหรัฐฯ รัสเซีย และอินเดีย อีกทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจของจีนที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ที่จะมีผลต่อการจัดตั้งธุรกิจใหม่
ปัจจุบัน การ จดทะเบียนบริษัท ธุรกิจ มีทั้งสิ้น 1,902,239 ราย ทุนจดทะเบียน 29.83 ล้านล้านบาท เป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการอยู่จำนวน 912,297 ราย ทุน 22.10 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัด 709,556 ราย ทุน 15.88 ล้านล้านบาท
ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 201,283 ราย ทุน 0.48 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด 1,458 ราย ทุน 5.74 ล้านล้านบาท
เเน่นอนว่าการ จดทะเบียนบริษัท หรือมีคนที่จดทะเบียนบริษัทมาหลายรายนั้นเเสดงว่าเศรษฐกิจของไทยเริ่มดีขึ้น